โรคปากและเท้าเปื่อย สามารถป้องกันได้ โดยการฉีดวัคซีนควรฉีดวัคซีนครั้งแรกตั้งแต่อายุ 4 เดือนถึง 6 เดือน และฉีดครั้งที่ 2 ควรห่างจากฉีดครั้งแรก 3 - 4 สัปดาห์ และฉีดซ้ำทุก 6 เดือน ส่วนโคนมกรมปศุสัตว์แนะนำให้ฉีดวัคซีนทั้งหมด 3 รอบ คือ ธันวาคม เมษายน และสิงหาคม ของทุกปี

นายสัตวแพทย์อภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เผยว่า โรคปากและเท้าเปื่อย หรือ เอฟ เอ็ม ดี (FMD) เกิดจากเชื้อไวรัสที่พบในประเทศไทยมี 3 ไทป์ คือ โอ (O) เอ (A) และเอเชียวัน (Asia 1) เชื้อทั้ง 3 ไทป์นี้ จะทำให้สัตว์ป่วยแสดงอาการเหมือนกัน แต่ไม่สามารถให้ภูมิคุ้มกันต่างไทป์ได้ คือถ้าฉีดวัคซีนFMD ไทป์ เอ ให้ หรือสัตว์เคยป่วยเป็นFMD ไทป์ เอ มาก่อน สัตว์จะมีภูมิคุ้มกันเฉพาะต่อโรคFMD ไทป์เอ เท่านั้น แต่จะไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคในไทป์ โอ หรือ ไทป์ เอเชียวัน ดังนั้นหากมีโรคFMD ไทป์ โอ หรือเอเชียวันระบาดสัตว์ก็อาจจะติดโรคได้ โรคนี้มีระยะฟักตัว ประมาณ 2-8 วัน โดยยืนยันโรคนี้สามารถป้องกันได้โดยการทำวัคซีนป้องกันโรคครบตามกำหนด

โรคปากและเท้าเปื่อยเกิดจากเชื้อไวรัส ไม่มียาที่ใช้สำหรับการรักษาโดยตรง แต่สามารถจะใช้ยาปฏิชีวนะ ยาม่วง ยาพ่นแผลหรือยาทากีบ เพื่อลดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน โรคนี้สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน ดังนั้น กรมปศุสัตว์จึงกำหนดให้มีการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อยในโคนม พร้อมกับการทำลายเชื้อโรคในพื้นที่เสี่ยง รอบ 2/2560 พร้อมกันทั่วประเทศ โดยให้เกษตรกรบริการวัคซีนภายในเดือนพฤษภาคม 2560 เพื่อให้โคนมมีภูมิคุ้มกันโรค ลดความสูญเสียรายได้จากการระบาดของโรคในฟาร์มโคนมของเกษตรกร โดยกรมปศุสัตว์จะจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการฉีดวัคซีน พร้อมจัดทำข้อมูลประวัติการฉีดวัคซีน ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่เสี่ยง อาทิ คอกพักสัตว์ รถบรรทุกสัตว์ ฯลฯ และประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่เกษตรกร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดของโรค ขอรับการฉีดวัคซีนได้ที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด หรือผ่านสหกรณ์ / ศูนย์รับนมที่ท่านเป็นสมาชิก

เกษตรกรควรหมั่นสังเกต และเอาใจใส่โค กระบือ ของตนเอง ซึ่งจะทำให้เห็นลักษณะอาการของโค-กระบือที่ผิดปกติได้ ซึ่งสัตว์ที่เป็นโรคนี้ จะแสดงอาการความรุนแรงแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานโรค และความแข็งแรงของตัวสัตว์ และปริมาณเชื้อโรค โดยสัตว์จะแสดงลักษณะอาการดังนี้ มีไข้ ซึม เบื่ออาหาร หลังจากนั้นจะมีเม็ดตุ่มพอง เกิดที่ริมฝีปากในช่องปาก เช่น เหงือกและลิ้น ทำให้น้ำลายไหล กินอาหารไม่ได้ และเกิดเม็ดตุ่มที่ระหว่างช่องกีบ ไรกีบ ทำให้เจ็บมาก เดินกะเผลก เมื่อเม็ดตุ่มแตกออกอาจมีเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย ทำให้แผลหายช้าขณะที่โคเป็นโรคจะผอมน้ำนมจะลดลงอย่างมาก ในโคอัตราการติดโรคสูงถึง 100% อัตราการตาย 0.2-5% ในลูกโคอัตราการตายอาจสูงถึง 50-70% โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกโคที่ยังดูดนมอัตราการตายอาจสูงถึง 100%

ด้านการรักษาถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อน แผลจะหายเองใน 1-2 สัปดาห์ ถ้าแผลมีการติดเชื้อให้ทำความสะอาดแผล สำหรับที่กีบใส่ยาปฏิชีวนะชนิดที่ใช้ป้ายแผล เช่น ไนโตรฟูราโซน สำหรับที่ปากป้ายด้วยยาสีม่วง (เจนเชียนไวโอเลท)

นอกจากนี้ กรณีที่เกิดโรคปากและเท้าเปื่อยระบาด ให้ฉีดวัคซีนซ้ำทันทีทุกตัว สัตว์จะมีความคุ้มโรคหลังจากฉีดวัคซีน 3 - 4 สัปดาห์ และมีความคุ้มโรคอยู่ได้นาน 6 เดือน

ทั้งนี้ หากเกษตรกรพบตุ่มใสที่ลิ้นอุ้งเท้าไรกีบของโค กระบือ และโคนม ซึ่งมักพบในสัตว์ที่เพิ่งเป็นโรค

ใหม่ๆหากสามารถเก็บน้ำจากตุ่มใสส่งไปได้ก็จะเป็นการดียิ่ง ควรเก็บก่อนที่ตุ่มใสจะแตกโดยใช้ไซริ่งค์ ดูดและเก็บในขวดที่นึ่งฆ่าเชื้อแล้ว แช่ในกระติกน้ำแข็งแล้วรีบนำส่งศูนย์วิจัยและชันสูตรโรคสัตว์ประจำภาค หรือศูนย์โรคปากและเท้าเปื่อยโดยเร็วที่สุด

“ กรมปศุสัตว์ ขอความร่วมมือเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือ โดยเฉพาะโคนมให้ดูแลสัตว์เลี้ยงให้มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง และป้องกันสัตว์ไม่ให้สัมผัสปัจจัยเสี่ยง อาทิ ยานพาหนะเข้า ออก กักสัตว์ก่อนนำเข้าฝูง ฯลฯ พบอาการผิดปกติรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ทันที ” อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าว


ที่มาของข้อมูล

ข้อมูล : กลุ่มควบคุมป้องกันโรคสัตว์เคี้ยวเอื้อง สำนักควบคุม ป้องกัน และบำบัดโรคสัตว์ กรมปศุสัตว์

เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ : น้องนุช สาสะกุล นักวิชาการเผยแพร่ชำนาญการ กรมปศุสัตว์

สำนักงานเลขานุการกรม http://secretary.dld.go.th/index.php/informationdld/newsdld/2644-97-2560