25611217 1

กฤษฎาสั่งการด่วนให้ทุกหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ เร่งบูรณาการช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนใน 16 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งระยะนี้เกิดฝนตกหนักหลายพื้นที่ พร้อมกำชับให้ปฏิบัติตามแผนการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในทุกพื้นที่เสี่ยง

นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯ บูรณาการช่วยเหลือดูแลเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมและเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วม น้ำหลาก ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่ฤดูฝนของภาคใต้ กระทรวงเกษตรฯ ตั้งศูนย์อำนวยการและบัญชาการสถานการณ์ เพื่อติดตามประเมินสถานการณ์และเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะปริมาณฝนและน้ำท่าที่จะเพิ่มขึ้น โดยทุกพื้นที่ต้องประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 16 จังหวัดเพื่อบูรณาการหน่วยงานแก้ไขปัญหาจุดเสี่ยงน้ำท่วมเป็นประจำ ทั้งนี้มอบให้รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธานศูนย์ฯ โดยมีสำนักแผนงานและโครงการพิเศษเป็นฝ่ายเลขานุการประสานงานกรมต่างๆ เข้าพื้นที่สำรวจความเสียหาย หากมีพื้นที่ประสบภัย รวมทั้งประสานความร่วมมือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อช่วยเหลือประชาชน กำหนดให้ศูนย์อำนวยการฯ สรุปสถานการณ์เป็นรายวันจนกว่าสถานการณ์กลับสู่ปกติเพื่อให้ช่วยเหลือเกษตรกรได้ทันเหตุการณ์

นายกฤษฎากล่าวว่า ขณะนี้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ อีกทั้งกรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ จึงยังคงทำให้มีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก พร้อมทั้งระบุว่า พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในวันนี้และพรุ่งนี้ได้แก่ นครศรีธรรมราช ชุมพร สุราษฎร์ธานี พัทลุง สงขลา ตรัง สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ซึ่งมอบหมายกรมชลประทานติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะสภาพฝนที่ตกลงมาในพื้นที่เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนการระบายน้ำและเก็บกักน้ำไว้ใช้ได้อย่างเพียงพอ

นายกฤษฏากล่าวเพิ่มเติมว่า กรมชลประทานทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.) กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท กำหนดพื้นที่เฝ้าระวังจุดเสี่ยงอุทกภัย ที่สำคัญได้บูรณาการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนข่าวสารสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับทราบข่าวสารอย่างถูกต้อง ชัดเจน และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเป็นการป้องกันหรือลดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด นอกจากนี้ได้สำรวจตรวจสอบระบบอาคารชลประทานให้มีพร้อมใช้งานตลอดเวลา ให้โครงการชลประทานทุกแห่งในพื้นที่ภาคใต้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำโดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมเดิมได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ในพื้นที่ หากเกิดฝนตกหนักจะได้เข้าไปแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมอย่างเคร่งครัด สำหรับพื้นที่ที่เคยเกิดน้ำท่วมเป็นประจำนั้น ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องมืออื่นเตรียมพร้อมไว้ด้วยแล้ว ซึ่งการเตรียมรับมือนี้ได้ดำเนินการก่อนเข้าสู่ฤดูฝนของภาคใต้ เน้นพื้นที่เสี่ยง 75 จุดตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรีลงมาทั้ง 16 จังหวัด

สำหรับเครื่องจักร-เครื่องมือที่กรมชลประทานจัดเตรียมไว้ตามโครงการชลประทานต่างๆ รวมไปถึงพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมในภาคใต้ประกอบด้วย เครื่องสูบน้ำ 453 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 300 ชุด เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 82 เครื่อง รถขุด`/รถแทรกเตอร์ 108 คัน รถบรรทุก/ยานพาหนะ 324 คัน และเครื่องจักรกลสนับสนุนอื่นๆ 245 หน่วยสะพานเหล็กแบบถอดประกอบได้ 1 ชุดซึ่งสำรองไว้ที่ภาคใต้แล้วเพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่เสี่ยงภัยได้อย่างรวดเร็วทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ

“ได้สั่งการให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ ไปตรวจติดตามการทำงานช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อุทกภัย พร้อมตรวจสอบส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ทุกหน่วยในพื้นที่บูรณาการกันไปดูแลช่วยเหลือเกษตรกรตามที่ได้กำหนดแนวทางไปปฎิบัติไว้หรือไม่ รวมถึงกำชับให้มีประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ (อ.พ.ก.) จังหวัด และรายงานสถานการณ์แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอในพื้นที่ด้วย เพื่อจะได้รับสถานการณ์และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้มากที่สุด” นายกฤษฎากล่าว

ที่มาของข้อมูล : คณะทำงานโฆษกกรมปศุสัตว์